ดูแลรถมอเตอร์ไซค์ คู่ใจKawasaki KSR 110

การบำรุงรักษา Kawasaki KSR 110 ความรู้เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์
วิธีการตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง
ตั้งรถจักรยานยนต์ถอดผาปิดช่องน้ำมันเครื่องและเช็ดก้านน้ำมัน ให้สะอาดและปิดฝาช่องเติมน้ำมันเครื่อง แต่ไม่ต้องขันเกลียว ถอดก้านน้ำมันเครื่องออกและเช็คระดับน้ำมันถ้าระดับน้ำมันอยู่ต่ำกว่าขีดบอกระดับก้านวัดให้เติมน้ำมันเครื่องให้ได้ระดับ
วิธีการตรวจสอบหัวเทียน
เช็คการแตกร้าวของฉนวน เช็คการสึกหรอของเขี้ยวหัวเทียน เช็คสภาพการเผาไหม้และสีของฉนวนเขี้ยวหัวเทียน ซึ่งถ้าสีน้ำตาลแก่ถึงน้ำตาลอ่อนแสดงว่าการเผาไหม้สมบูรณ์ แต่ถ้าสีอ่อนเกินไปแสดงว่าระบบจุดระเบิดมีปัญหาหรือส่วนผสมน้ำมันกับอากาศบางเกินไป แต่ถ้ามีเขม่าสีดำหรือเปียกแสดงว่าส่วนผสมน้ำมันกับอากาศหนาเกินไป
การนำหัวเทียนกลับมาใช้ใหม่
สามารถน้ำหัวเทียนเก่ามาใช้ใหม่ได้แต่ท่านต้องนำมาทำความสะอาดก่อน ซึ่งการทำความสะอาดนั้นก็ไม่ได้อยากอะไรเลย ทำความสะอาดเขี้ยวหัวเทียนด้วยแปรงลวด เช็คระยะห่างระหว่างแกนกลางหัวเทียนกับเขี้ยวหัวเทียนด้วยฟิลเลอร์เกจถ้าจำเป็นต้องปรับตั้งระยะห่างโดยการดัดเขี้ยวหัวเทียนด้วยความระมัดระวัง (ระยะห่างเขี้ยวหัวเทียน 0.80-0.90มม.)
การตรวจสอบระยะห่างวาล์ว
การตรวจสอบและปรับตั้งระยะห่างวาล์วในขณะที่เครื่องยนต์เย็น (ต่ำกว่า 35 องศา) หมุนเพลาข้อเหวี่ยงทวนเข็มนาฬิกา จัดให้เครื่องหมาย T บนล้ำแม่เหล็กตรงกับเครื่องบนฝาครอบเครื่องด้านซ้าย และต้องแน่ใจว่าลูกสูบอยู่ในตำแหน่งศูนย์ตายบนในจังหวะอัดเช็คระยะห่างวาล์วโดยสอดฟิลเลอร์เกจเข้าระหว่างสกรูปรับตั้งระยะห่างวาล์วกับก้านวาล์ว ระยะห่างวาล์ว ไอดี 0.06 มม. ไอเสีย 0.12 มม. แล้วดึงฟิลเลอร์เกจออก จะรู้สึกหนืดมือ และควรเช็คทุกๆ 300 กม.
การบำรุงรักษา คาร์บูเรเตอร์ และหม้อกรองอากาศ
ควรเช็คบ้างว่าสกปรกหรือไม่ ถ้าหากคาร์บูเรเตอร์สกปรกก็ควรถอดมาล้างเพราะถ้ามีเศษของขี้ผงอาจทำให้นมหนูอากาศอุดตันได้ และวิธีการทำความสะอาดคาร์บูเรเตอร์ต้องถอดชิ้นส่วนของ ลูกเร่ง, นมหนูใหญ่, เสื้อนมหนูและนมหนูเดดินเบา, และสกรูปรับอากาศ การทำความสะอาดช่องทางเดินอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นควรใช้ลมแรงดันสูงเป่า ผ่านช่องทางเดินอากาศ และน้ำมันเชื้อเพลิงของเรือนคาร์บูเรเตอร์หรืออาจจะใช้เศษลวดชิ้นเล็กๆ ใส่เข้าไปในรูทางช่องเดินน้ำมันและอากาศก็ได้แต่อาจทำให้ เกิดความเสียหายกับเรือนคาร์บูเรเตอร์ได้และทุกๆ ครั้งที่ล้างคาร์บูเรเตอร์ก็ควรนำไสกรองออกมาเป่าลมหรือซักกับน้ำสะอาดอยู่เสมอ ซึ่งก็จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย